“อมตะ” เผยสถานการณ์น้ำคลี่คลาย หลังปริมาณน้ำลดระดับเหลือ 7- 10 ซม. โรงงานกลับมาผลิตได้แล้ว 100%

นายวิบูลย์ กรมดิษฐ์ กรรมการและประธานเจ้าหน้าที่การตลาด บริษัท อมตะ คอร์ปอเรชัน เปิดเผยถึงสถานการณ์น้ำในนิคมอุตสาหกรรมในวันนี้ (22 ตุลาคม) ว่า น้ำที่ขังอยู่บริเวณผิวการจราจรและไหล่ทางเฟสที่ 7 ลดระดับลงอย่างต่อเนื่อง จากการเร่งระบายด้วยเครื่องสูบและเรือผลักดันตลอดคืนที่ผ่านมาในช่วงน้ำทะเล ลดระดับ และยังคงดำเนินการอย่างต่อเนื่องจนถึงปัจจุบัน โดยขณะนี้ความสูงของน้ำคงเหลืออยู่ที่ 7-10 ซม. รถเล็กสัญจรได้โดยสะดวก หากไม่มีปริมาณน้ำฝนลงมาเติม คาดว่าภายในวันพรุ่งนี้สถานการณ์จะกลับสู่ภาวะปกติ ส่วนโรงงานที่แจ้งหยุดกระบวนการผลิตในบางสายงานการผลิตได้กลับมาดำเนินการ ครบ 100 เปอร์เซ็นต์แล้วตั้งแต่เมื่อช่วงเย็นวาน (21 ตุลาคม) ที่ผ่านมา “ภายหลังจากที่น้ำกลับเข้าสู่ภาวะปกติ อมตะจะเร่งระดมเตรียมแผนการดำเนินงานเพื่อรองรับมือสถานการณ์น้ำในระยะยาว เพื่อป้องกันเหตุที่อาจเกิดขึ้นอีกจากปริมาณน้ำฝนที่มีมากเกินความคาดหมาย และเกินจากสถิติที่เคยเกิดขึ้น โดยเพิ่มระบบการระบายน้ำฝนให้สามารถรองรับปริมาณน้ำได้มากขึ้น ซึ่งปัจจุบันอมตะมีความสามารถในการรองรับและระบายน้ำฝนได้อยู่ที่ 60-80 มล./วัน ในขณะที่ช่วง 4 – 5 วันที่ผ่านมา มีฝนตกลงมาอย่างต่อเนื่องด้วยปริมาณ 118 มล./วันจึงทำให้เกิดน้ำขัง แต่อมตะเร่งดำเนินการระบายน้ำออกอย่างเต็มประสิทธิภาพ เชื่อว่าจะกลับสู่ภาวะปกติได้โดยเร็ว” นายวิบูลย์ กล่าว   แหล่งข่าวจาก posttoday…

การเปิดตัวคอนดดโครงการใหม่ๆทำให้ราคาที่ดินขยับสูงขึ้น

ปัจจุบันการจองซื้อคอนโดในต่างจังหวัดพบว่ามี 3 กลุ่ม คือกลุ่มที่ซื้ออยู่จริง ซึ่งเป็นกลุ่มคนในพื้นที่ที่เปลี่ยนพฤติกรรมจากอยู่บ้านแนวราบมาอยู่คอนโดแทน กลุ่มคนจากจังหวัดใกล้เคียงที่มาทำงานหรือส่งลูกหลานมาเรียนหนังสือ ที่ซื้อแทนการเช่าหอพัก และกลุ่มนักลงทุนจากจังหวัดอื่นๆที่เข้าไปซื้อเพื่อยู่จริง ลงทุน หรือเก็งกำไร หากดูการซื้อเพื่อลงทุนกับเก็งกำไรแล้วน่าจะมีประมาณ 10-15% ซึ่งการซื้อเพื่อลงทุนต่างจากเก็งกำไรตรงที่ตั้งใจจะโอนจริง แต่อาจเอาไว้ขายต่อหรือปล่อยให้เช่า ส่วนเก็งกำไรจะไม่รอโอน แต่จะขายใบจองก่อน พบว่าบางโครงการมีคนจองถึง 6-8 ห้องทีเดียว โดยปัจจุบันดอกเบี้ยเงินฝากต่ำ ทองราคาลง จึงหันมาลงทุนอสังหาฯ หากเป็นเงินในกระเป๋าตัวเองก็ไม่เสี่ยง แต่ถ้ากู้เงินมาซื้อก็คงไม่ดี เพราะจากการแข่งขันกันเปิดตัวโครงการและขยายการลงทุนดังกล่าว ทำให้ราคาที่ดินในต่างจังหวัดขยับสูงขึ้นมากเช่นกัน โดยเฉพาะในจังหวัดที่ติดต่อกับเพื่อนบ้านอย่างภาคอีสานก็เป็นการขยายตัวเพื่อรองรับเออีซี เพราะได้อานิสงส์จากการที่ประเทศลาวมีเศรษฐกิจและกำลังซื้อสูงขึ้น หรือจังหวัดต่างๆที่เป็นเส้นทางของรถไฟความเร็วสูงก็ขยับขึ้นเช่นกัน ถือเป็นการเก็งกำไรที่ดินรับอนาคตที่ไม่ชัดเจนว่าจะเกิดขึ้นอีกกี่ปีด้วยซ้ำ การแข่งขันกันเปิดโครงการทั้งรายใหญ่รายเล็ก จึงมีการแข่งขันกันทำราคา หรือมีของแถมล่อใจ ทำให้เสียงสะท้อนที่ได้รับจากผู้ประกอบการขณะนี้ส่วนใหญ่ระบุว่ายอดจองเข้ามามากหรือขายได้หมด ทำให้ยิ่งเปิดโครงการใหม่ๆ เพราะคิดว่ายังมีความต้องการซื้ออยู่ ทั้งๆที่โครงการเก่ายังก่อสร้างไม่เสร็จ เพราะคอนโดส่วนใหญ่จะใช้เวลาก่อสร้างประมาณปีกว่า ซึ่งความร้อนแรงของภาคอสังหาริมทรัพย์ในไตรมาสแรกที่ผ่านมา ทั้งการเปิดตัวโครงการใหม่ที่มีอัตราเร่งตัวขึ้นมากเทียบกับปีก่อน โดยเฉพาะในตลาดต่างหวัดที่ผู้ประกอบการทั้งรายเล็กรายใหญ่แข่งขันกันเปิดตัวจนทำให้หลายฝ่ายจับตาว่าอาจซ้ำรอยปัญหาฟองสบู่